วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Final BUS702 ทฤษฎีการจัดการการตลาดเชิงกลยุทธ์ชั้นสูงและแนวคิดเชิงปฏิบัติ

Final BUS702 
ทฤษฎีการจัดการการตลาดเชิงกลยุทธ์ชั้นสูงและแนวคิดเชิงปฏิบัติ 

บทที่ 4 การวิเคราะห์ลูกค้า
เสนอ รศ.ดร.วิชิต  อู่อ้น 
โดย น.ส.อรวิภา  มากมิ่ง รหัสนักศึกษา 60560125 
DBA 09 SPU


VDO Present : Review หนังสือ "การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์"


VDO Present : Review หนังสือ "การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์"
โดย นางสาวอรวิภา  มากมิ่ง
รหัสนักศึกษา 60560125    DBA 09   SPU
อาจารย์: รศ. ดร. วิชิต อู่อ้น

Review: Conceptual Framework of Decision support Model

Review: Conceptual Framework of Decision support Model





Conceptual framework of DSI Model
TPS, Transaction Process System ระบบประมวลผลการดำเนินงานทางธุรกรรม หรือ TBS Transaction - based systems ระบบข้อมูลพื้นฐานการซื้อขาย คือเก็บและรายงานการสร้างข้อมูลการทำธุรกรรมในหน้าที่ธุรกิจที่เป็นพื้นฐาน เช่น ตู้ ATM เก็บข้อมูลและประมวลผลรายการธุรกรรม
            DBS data-based systems, ระบบข้อมูลพื้นฐาน คือเก็บข้อมูลทั้งหมด ทั้งภายนอกภายในองค์กร หรือ DBMS data-based management systems ระบบการจัดการข้อมูลพื้นฐาน โดยใช้ Software เข้าไปจัดการ ฐานข้อมูล Data - based
            MIS Management information systems ระบบสาระสนเทศเพื่อการจัดการ เป็น Software ที่นักโปรแกรมเมอร์สร้างขึ้น ผู้ใช้คือผู้บริหาร ระดับสูง กลาง ล่าง ประมวลผลในรูปแบบ กราฟ ตาราง เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการดำเนินงาน
            DSS Decision support systems ระบบช่วยในการตัดสินใจ เป็นระบบ Software ผู้ใช้คือผู้บริหารหรือผู้ชำนาญเท่านั้น ใช้เพื่อประมวลผลออกมาเป็นตาราง กราฟ เพื่อเป็นโมเดลสนับสนุนการตัดสินใจ
            ES ระบบการตลาดอัจฉริยะ เหมือนกับ DSS แต่ง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นใช้งาน ผู้บริหารทั่วไปที่ไม่เก่ง Computer ก็ใช้ได้ เพียงแค่ส่งคำถามสิ่งที่อยากรู้ลงในระบบๆก็จะส่งคำตอบออกมาในรูปแบบ กราฟ ตาราง และคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริหารต้องการทราบอีกด้วย เพื่อเป็นโมเดลในการสนับสนุนการตัดสินของผู้บริหาร
             ระบบทั้ง 5 ระบบ ส่งผลต่อ  Decision support and Implementation การสนับสนุนการตัดสินใจ และสนับสนุนการดำเนินงาน

ทบทวนวรรณกรรมโดย: พระมหาชินกร รตนาภิวัฒน์  DBA 09 SPU


Review: Conceptual Framework of Strategic Marketing

Review: Conceptual Framework of Strategic Marketing


       กรอบแนวคิดในการศึกษาครั้งนี้ได้จากทบทวนวรรณกรรมของนักวิจัยในอดีต ได้แก่ Kotler (2000); Kotler (2003); Kriemadis & Terzoudis (2007); Ayub &  Razzaq (2013); yamabo & Otubanjo (2013) พบว่า แรงกดดันจากสภาพแวดล้อม (Environment Pressure) ส่งผลทางตรงต่อการตลาดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Marketing) ขณะที่การตลาดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Marketing) ส่งผลทางตรงต่อการประเมินผลการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Evaluation) โดยการทบทวนและการควบคุมแผนการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Review and Control) ส่งผลร่วมต่อการประเมินผลการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Evaluation)



 ทั้งนี้สามารถอธิบายความหมายขององค์ประกอบแต่ละตัวแปรได้ดังนี้
• แรงกดดันจากสภาพแวดล้อม (Environment Pressure) ประกอบด้วย (External Environment) 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก และ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environment)

•   การตลาดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Marketing) ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ ปัจจัยการวางแผนองค์กรเชิงกลยุทธ์ (Corporate Strategic Planning) ปัจจัยการมุ่งเน้นตลาด (Strategic Planning (Market Oriented)) ปัจจัยการกำหนดกลยุทธ์ (Strategy Formulation) ปัจจัยการพัฒนากลยุทธ์การตลาด (Development of Marketing Strategies) และปัจจัยยความสัมพันธ์กับคู่แข่งขัน (Relationship with the Competitors)

•  การประเมินผลการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Evaluation) ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ผลตอบแทนจากการลงทุนทางการตลาด (Marketing Return On Investment) และการตอบวัตถุประสงค์ทางการตบาดอย่างสมบูรณ์ (Complete Marketing Objectives)
•  การทบทวนและการควบคุมแผนการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Review and Control) ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ปัจจัยการทบทวนแผนการดำเนินงานทางการตลาด (Plan Review) และ การควบคุมแผนการดำเนินงานทางการตลาด (Marketing Control)


ทบทวนวรรณกรรมโดย: ถิรวรรณ สกุลวงศ์สิริโชค  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Distribution

Review: Conceptual Framework of Distribution


การจัดจำหน่าย (Distribution) หมายถึง กระบวนการในการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ให้ถูกที่และถูกเวลา 
Definition: One of components of marketing mix that in simplest task transfer the product from the production place to the purchase place to the customer. In other words, the main task of distribution management is placing the goods in hand of potential customers at the right time and place. (Roosta, A. Venus, D. Ebrahim, Abdul., 2009)
The purpose of the distribution channel is to distribute the product from manufacturer to the end user to the right time to the right place (Klein and Frazier, 1990).






การออกแบบช่องทางการกระจายสินค้า โดยมีกระบวนการ ดังนี้
1. วิเคราะห์วัตถุประสงค์ของช่องทางการกระจายสินค้า
2. วิเคราะห์องค์กร คู่แข่งขัน และข้อจำกัดของสภาพแวดล้อม
3. วิเคราะห์งานที่จะเกิดขึ้นจากช่องทางการกระจายสินค้า
4. กำหนดความเป็นไปได้ของทางเลือก
5. ประเมินทางเลือก
6. การใช้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพในการกำหนดทางเลือก
7. เลือกช่องทางการกระจายสินค้าที่เหมาะสม

ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนด ช่องทางการจัดจำหน่าย มีดังนี้
1. วัฒนธรรม
2. คุณสมบัติของสินค้า
3. วัตถุประสงค์ของบริษัท
4. กลยุทธ์การจำหน่าย
5. คู่แข่ง


ทบทวนวรรณกรรมโดย: เอกพล  โฉมฉาย  DBA 09 SPU




Review: Conceptual Framework of Sales Force

Review: Conceptual Framework of Sales Force


Sales Force
หมายถึง กลุ่มบุคคลตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไปทำหน้าที่รับผิดชอบในการติดต่อแสวงหาลูกค้า การเสนอขาย ตลอดจนการให้บริการก่อนและหลังการขาย
สรุปจากบทความที่ได้รับมอบหมายจาก อาจารย์วิชิต อู่อ้น ดังนี้
บริษัทจำเป็นต้องมีพนักงานขายในการเข้าถึงลูกค้าทุกระดับ และพนักงานขายมีหน้าที่หลายอย่างทั้งในการค้นหาลูกค้าใหม่ เพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทและยังต้องชักชวนลูกค้าให้ซื้อสินค้านั้นให้ได้ด้วย บริษัทจึงจำเป็นต้องจัดให้มีการอบรมและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานขายให้มีประสิทธิภาพ

โมลเดล โครงสร้างการตัดสินใจของหน่วยขาย
1.กำหนดเป้าหมายสำหรับการตัดสินใจของฝ่ายขาย
2.การกำหนดขนาด:การบังคับขนาดการขาย
3.การจัดสรรความพยายาม : บนผลิตภัณฑ์ เลือกลูกค้า การออกแบบทางภูมิศาสตร์/อาณาเขต และการกำหนดเวลา
4.การจัดและควบคุมความพยายาม : แรงจูงใจ ค่าตอบแทน ข้อเสนอแนะและการควบคุม
  
Conceptual Framework for sales force
 จากการรีวิวบทความที่เกี่ยวข้องจึงสรุปได้ว่า การที่จะทำให้มีประสิทธิภาพในการขายของพนักงานขาย ประกอบไปด้วยตัวแปรดังนี้คือ การสื่อสาร ความสามารถ ทักษะ และจริยะธรรม


ทบทวนวรรณกรรมโดย: พระมหาวันเฉลิม  ประภัสสร DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Promotion

Review: Conceptual Framework of Promotion


PROMOTION
กิจกรรมทางการตลาดแบบผสมผสานซึ่งมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ปลายทาง เพื่อกระตุ้นความสนใจ การทดลองใช้ หรือการซื้อเป็นเครื่องมือจูงใจระยะสั้นสามารถใช้ได้หลากหลาย เช่น คูปอง  พรีเมี่ยม กระตุ้นการตอบสนองตลาด หรือการตอบสนองที่ดีขึ้นทั้งจากผู้บริโภค เพื่อ ผลกำไรในระยะยาวจาก อีกประการหนึ่งคือปรากฏการณ์ระยะสั้นของการเพิ่มสินค้าคงคลัง (สต็อค) ให้กับลูกค้า Philip Kotler(1990),Blattberg and Neslin (1990),Lisa S. Simpson. (2006), DUBEY, J. 2014, Delgado-Ballester, Elena1 (2005)










ตัวแปรที่ พิจรณาก่อนกระบวนการ ทำ Promotion

1. Nature of local market
2. Nature industry mechanisms
3. Nature retail
4. Franchise
5. Partner,Investor
องค์ประกอบของโปรโมชั่น
1. Adertising
2. PR
3. Personal Selling
4. Sales Promotion
ประโยชน์ที่ได้รับหลังจากการทำโปรโมชั่น
1. Consumption
2. Switches Brand
3. loyalty
4. Larger margins
5. Increased marketing communications efficiency

ทบทวนวรรณกรรมโดย: ภูมรินทร์   รุ่งรัศมีพัฒน์  DBA 09 SPU








Review: Conceptual Framework of Advertising 2

Review: Conceptual Framework of Advertising 2


คำนิยามและความหมายของ ADVERTISING
          โดยสรุปจากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า ความหมายของคำว่า  การโฆษณา  หรือ ADVERTISING  ไว้ตรงกันว่าหมายถึง  กระบวนการสื่อสารที่ต้องการจะให้ผู้บริโภคหรือลูกค้า  เกิดความสนใจในสินค้าและบริการ  โดยเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการขายสินค้าและบริการนั้นๆ  โดยการใช้สื่อประเภทต่างๆ       เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากที่สุด  และมีเป้าหมาย  ในการที่จะทำให้ผู้ผลิตสินค้าหรือบริการ  เกิดผลกำไรในการประกอบธุรกิจ  และผู้บริโภค  ลูกค้า  ผู้ใช้บริการ  เกิดความพึงพอใจในสินค้าและบริการนั้นๆ





             ทั้งนี้ เมื่อได้ศึกษาจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องพบว่ามี 5 เรื่องที่มีความน่าสนใจ  ซึ่งสามารถที่จะสรุปได้เป็น รูปแบบจำลองข้างต้น
            โดยรูปแบบดังกล่าวสามารถอภิปรายผลได้โดยสรุปดังนี้

            ในการวางแผนการโฆษณา ต้องคำนึงถึงตัวแปรสำคัญสองตัวคือ  สินค้าหรือบริการ และผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้า โดยในกลุ่มของสินค้าและบริการจะใช้ช่องทางทางด้านการสื่อสาร ( ทฤษฎีการสื่อสารมวลชน ) ที่ประกอบด้วย  S M C R ในการติดต่อและประเมินผล ส่วนในกลุ่มของลูกค้าหรือผู้บริโภค  มีองค์ประกอบสำคัญที่จะส่งผลต่อการวางแผนโฆษณาคือ เครื่องมือที่ใช้ในการรับสาร( ซึ่งในที่นี้ หมายรวมถึงสื่อสาธารณะ  และสื่อบุคคล เช่น โทรศัพท์มือถือ แอบปลิเคชั่นต่างๆ ทั้ง line  facebook  twitter  และอื่นๆ )  และพฤติกรรมของลูกค้าและผู้บริโภค

            สำหรับในการวางแผนโฆษณา สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการศึกษาคุณลักษณะของสินค้าและบริการ  รวมถึงผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้า ซึ่งตัวแปรทั้งสองมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด  และเมื่อศึกษาโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้การวิเคราะห์แบบ SWOT  เพื่อหาโอกาสและช่องทางในการเผยแพร่  และต้องเป็นช่องทางที่สามารถนำข้อดีของสินค้าและบริการสู่ ผู้บริโภคได้อย่างสะดวก จนได้ข้อสรุปแล้ว  จะนำไปสู่การวางแผนในเรื่องของการใช้สื่อประเภทต่างๆ ตั้งแต่สื่อประเภท Print Media  Electronic Media  และ Social Media เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า  ขณะเดียวกันในการวางแผนโฆษณานี้  จะมีตัวแปรภายนอกที่สามารถควบคุมได้อีก 2 ชนิดคือ ความรับผิดชอบต่อสังคม  และลักษณะทางกายภาพ ของสถานที่ ลักษณะประชากร เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ ที่ผู้วางแผนในการโฆษณาต้องคำนึงถึงประกอบด้วย  อย่างไรก็ตาม  ในยุคปัจจุบัน  เมื่อผู้ทำโฆษณา ได้วางแผนการใช้สื่อ เรียบร้อยแล้ว  อาจใช้กระบวนการด้าน Social Media ในการทดสอบตลาด โดยการปล่อยโฆษณา ผ่านแอปปลิเคชั่นต่างๆ ไปถึงผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้า ได้โดยตรง  ซึ่งจะทำให้ กลุ่มลูกค้า มีปฏิกริยา ( Feedback ) กลับมาถึงนักโฆษณาด้วยความรวดเร็ว  ซึ่งจะส่งผลดีต่อนักโฆษณาในการที่จะวางแผนกลยุทธ์ให้ถูกต้องและตรงกับความต้องการ ของทั้งกลุ่มผู้ผลิตสินค้าและบริการ  รวมทั้งกลุ่มลูกค้าและผู้บริโภค และการวางแผนการโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ  จะต้องทำให้สินค้าหรือบริการนั้นๆมีช่องทางการจำหน่ายในตลาดเพิ่มมากขึ้น  นำมาซึ่งผลกำไรให้กับสินค้าและบริการนั้นๆ  ขณะเดียวกัน  ก็ต้องทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ  เกิดความพึงพอใจในสินค้าหรือบริการนั้นๆด้วย  ซึ่งจะส่งผลต่อการจดจำ  และกลับมาใช้บริการในสินค้าหรือบริการนั้นๆ อย่างต่อเนื่องและยาวนาน  จนเกิดเป็นความภักดี กับสินค้าหรือบริการนั้นๆ

ทบทวนวรรณกรรมโดย: สมภพ  จันทร์ฟัก  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Advertising 1

Review: Conceptual Framework of Advertising 1


Advertising หรือ การโฆษณา
             โดยสรุปผู้วิจัยให้ความหมายของการโฆษณา คือ การสื่อสารในรูปแบบต่างๆ โดยผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร เพื่อกระตุ้นผู้รับสาร เกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการ เพื่อเป็นการส่งเสริมในด้านการจำหน่ายสินค้าและบริการ ซึ่งนำเสนอข้อดีหรือคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคโดยใช้วิธีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการผ่านสื่อต่างๆ
  


           จากการทบทวนบทความ 5 บทความ จะพบว่า ตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการโฆษณา มีดังนี้
1.  ผู้ส่งสาร (Sender)
2.  ข้อมูล (Informativeness)
3.  แรงจูงใจ (Incentive)
4.  ความน่าเชื่อถือ (Credibitity)
5.  ความชัดเจน (Clarity)
6.  ผู้รับสาร (Receiver)

ทบทวนวรรณกรรมโดย: นิตยา แสงดี  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Brand Equity

Review: Conceptual Framework of Brand Equity

คุณค่าของตราสินค้า (Brand Equity)
            ความหมายจากการทบทวนวรรณกรรม สรุปได้ว่า คุณค่าของตราสินค้า เป็นคำทางการตลาดที่สามารถอธิบายถึงคุณค่าของตราสินค้า คุณค่านั้นจะถูกกำหนดโดยการรับรู้และประสบการณ์ของผู้บริโภคกับที่เชื่อมโยงกับตราสินค้า ถ้าผู้บริโภคทุกคนคิดว่าตราสินค้านั้นเป็นแบรนด์ที่สูงด้วยคุณภาพและบริการหรือมีคุณค่าของตราสินค้าในเชิงบวก  บริษัทฯ สามารถคิดค่าบริการเพิ่มเติมในคุณค่าของตราสินค้านั้นได้
          จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง  Brand Equity ที่มีพื้นฐานจาก The Aaker Model ส่วนใหญ่แล้วสามารถนำมาสรุปเป็น Conceptual Framework ดังนี้  


ปัจจัย  5 ประการที่ส่งผลถึงโดยตรงถึง คุณค่าของตราสินค้า กล่าวคือ
1. สิ่งที่เชื่อมโยงต่อตราสินค้า (Brand Association) อันหมายถึงสิ่งใด ๆก็ตามที่
ผู้บริโภคได้รับรู้แล้วส่งผลต่อความคิดของผู้บริโภคในทันทีถึงตราของสินค้า เช่น สัญลักษณ์   กิจกรรม บุคคล
2. ตระหนักรู้ต่อตราสินค้า (Brand Awareness) หมายถึง เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริโภคได้รับรู้   เช่น การได้ยิน ได้เห็นตราสินค้าแล้ว ผู้บริโภคสามารถจินตนาการได้ทันทีถึงคุณภาพ และบริการที่จะได้รับ
3. ความจงรักภักดีในตราสินค้า (Brand Royalty) หมายถึง ไม่ว่าบริษัทจะนำเสนอ ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม ผู้บริโภคยินดีที่จะซื้อหรือรับบริการนั้น เพราะคาดว่าจะได้รับสินค้าและบริการที่ดี จากตราสินค้านั้น โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับสินค้าที่ถูกนำเสนอโดยสินค้าอื่น
4. คุณภาพที่รับรู้ได้ (Perceived Quality) ผู้บริโภคสามารถรับรู้ถึงคุณภาพได้ทันทีเมื่อคิดถึงตราของสินค้า
5. สินทรัพย์ของตราสินค้าในกรรมสิทธิ์อื่น (Other Proprietary Brand Assets) เป็นสินทรัพย์อื่นๆ ที่เพิ่มเติมที่แฝงในมูลค่าตราสินค้าและสามารถนำมาแปลงเป็นมูลค่าได้ เช่น เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์  ช่องทางการตลาดอื่นๆ

โดยปัจจัยทั้ง
 5 ประการเป็นตัวแปรต้น และคุณค่าของตราสินค้าเป็นตัวแปรตาม


ทบทวนวรรณกรรมโดย: ร่มโพธิ์  สุวรรณิก  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Product

Review: Conceptual Framework of Product
รอบแนวคิด (Conceptual Framework) ที่นำเสนอภายใต้หัวข้อเรื่องผลิตภัณฑ์ (Product) เป็นเรื่องของ Green Innovation หรือนวัตกรรมสีเขียว

ตัวแปรหลัก คือ สมรรถนะของนวัตกรรมสีเขียว (Green Innovation) ซึ่งมีตัวแปรต้นที่เป็นสาเหตุ คือ ความมุ่งมั่นในด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท (Corporate Environmental Commitment)
ตัวแปรตาม เป็นผลลัพธ์ที่สามารถวัดค่าได้ของ Green Innovation มี 3 อย่าง ได้แก่
1.ความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage)
2.ผลประกอบการทางการเงิน (Financial Performance)
3.ผลประกอบการทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance)

ทบทวนวรรณกรรมโดย:  ทรงกลด พลพวก  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Price 2

Review: Conceptual Framework of Price 2

จากการทบทวนวรรณกรรม โดยสรุปผู้วิจัยให้ความหมายของทฤษฎีราคาคำว่าสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นเป็นมูลค่าของสินค้าหรือบริการ โดยมีหลักเกณฑ์การกำหนดที่ชัดเจน โดยจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา หรือสิ่งที่สมมติหรือมีมูลค่าตามแต่สังคมนั้น ๆ กำหนดขึ้น ทั้งในระดับย่อยของสังคม และระดับสากล
องค์ประกอบของราคา
ปัจจัยภายใน
• นโยบาย เป้าหมาย วัตถุประสงค์ขององค์กร
• ต้นทุน คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการผลิตสินค้าหรือบริการ
• ลักษณะหรือรูปแบบของสินค้า บริการ
• วงจรผลิตภัณฑ์
ปัจจัยภายนอก
• วัตถุดิบ
• ความยืดหยุ่นของอุปสงค์หรือความต้องการของลูกค้า
• คู่แข่งและสภาพการแข่งขัน
• ความต้องการด้านจิตวิทยา
• สภาพทางเศรษฐกิจ

 

Conceptual Framework จากการทบทวนวรรณ 

 ปัจจัยภายใน  Internal Environmentและปัจจัยภายนอก External Environment ส่งผลต่อราคาและส่งผลการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด รวมทั้งยังส่งผลต่อสินค้าและการขายสินค้าทั้งในระยะยาวและระยะสั้น รวมถึงวงจรธุรกิจยังส่งผลต่อสินค้าและส่งผลต่อการขายสินค้าด้วยและคู่แข่งยังส่งผลต่อการขายสินค้าอีกด้วย

  ทบทวนวรรณกรรมโดย: กฤษตฌาพนธ์ ศิริภัทรธณาณุกูล  DBA 09 SPU


Review: Conceptual Framework of Price 1

Review: Conceptual Framework of Price 1

ในงานวิจัยเกี่ยวกับการกำหนดราคา (Price) เป็นเรื่องของ ขีดความสามารถในการกำหนดราคาขององค์กรหรือ “Pricing Capabilities” ที่จะเป็นตัวแปรที่นำไปสู่ผลงานขององค์กร (Firm Performance) ที่ดียิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียดดังรูปนี้



จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า มี 4 ปัจจัยสาเหตุหรือตัวแปรต้นที่จะนำไปสู่ ขีดความสามารถในการกำหนดราคาขององค์กร (Pricing Capabilities) ได้แก่
1.การแบ่งแยกราคา (Pricing Discrimination) หมายถึง ความสามารถของบริษัทในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการให้แตกต่างกันไปโดยขึ้นกับประเภทกลุ่มของลูกค้า หรือขึ้นกับช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
2.การมุ่งเน้นพลวัตรหรือความเปลี่ยนแปลง (Dynamic Orientation) หมายถึง การให้ความสำคัญในการวางแผนและการปรับตัวทางราคา ให้เข้ากับพลวัตรหรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม
3.การส่งมอบทางคุณค่า (Value Delivery) หมายถึง ความสามารถที่เหนือกว่าของบริษัทในการส่งมอบคุณค่าของสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่ง
4.ทุนทางสังคมของผู้บริหาร (Social Capital) หมายถึง ความน่าเชื่อถือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแวดวงธุรกิจ ตลอดจนความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์ภายนอกองค์กรของเหล่าผู้จัดการในองค์กร

*หากพิจารณาจากรูปภาพ จะพบว่า Social Capital หรือทุนทางสังคม จะส่งผลเชิงบวกต่อความสามารถในการกำหนดราคา โดยมี "วัฒนธรรมของชาติ" หรือ "National Culture" เป็นตัวแปรที่มีปฏิสัมพันธ์ร่วมด้วย

**พบว่า ระหว่าง Pricing Capability ไปยัง Firm Performance  อาจจะมีตัวแปรที่เป็นสื่อกลางคือ "ตำแหน่งทางการตลาด" หรือ "Marketing Position"

ทบทวนวรรณกรรมโดย:  พริษฐ์ พนมเสริฐ DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Organizational Buying Behavior

Review: Conceptual Framework of Organizational Buying Behavior

Key difference between the way individuals buy and the way organizations buy
การซื้อสินค้าในองค์การขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและแรงกระตุ้นการซื้อจะน้อยกว่า
มักจะมีมากกว่าหนึ่งคน และจะมีคนหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการซื้ออาย Wind (1976)
เกี่ยวข้องกับเงินในปริมาณมากๆ กระบวนการซื้อขายใช้เวลานาน
การซื้อในองค์การจะไม่สนใจแต่เพียงสินค้าเพียงอย่างเดียว อาจจะมีความพอใจในด้านอื่นๆด้วย เช่น การสนับสนุนด้านเทคนิค การฝึกอบรม วันเวลาที่ส่ง และการจ่ายเงิน Hudson(1971)
•  ในทางกลับกัน พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและองค์การมี 2 คุณลักษณะร่วมกัน คือการซื้อเป็นผลลัพธ์ตามปกติของกระบวนการ และการตัดสินใจเป็นผลของกิจกรรมในการตัดสินใจ



ทบทวนวรรณกรรมโดย: ปริญญา สีม่วง DBA 09 SPU


Review: Conceptual Framework of Consumer Behavior 2

Review: Conceptual Framework of Consumer Behavior 2


จากโมเดลทั้ง 5 โมเดลที่เลือกจากการทบทวนวรรณกรรมของบทความวิจัยจำนวน 20 บทความในงานวิจัยเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) นั้น ผู้ศึกษาได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ Content Analysis และหาตัวแปรซึ่งเป็นตัวแปรแฝงได้ 6 ตัวแปรและได้จัดทำเป็นกรอบแนวคิดที่เป็น Conceptual Framework ดังข้างล่างนี้


ทบทวนวรรณกรรมโดย: พัชรินทร์ บุญสวัสดิ์  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Consumer Behavior 1

Review: Conceptual Framework of Consumer Behavior 1


Consumer behavior ตามผัง อธิบายได้ ดังนี้  เมื่อมีปัญหาและ ความต้องการเกิดขึ้นในผู้บริโภค จะมีปัจจัยจากอิทธิพลภายนอกเข้ามากระทบ ตัวกระตุ้นมีทั้งจากการตลาด และสภาพสังคมวัฒนธรรมแวดล้อม   เมื่อมีการค้นหาทางเลือกปัจจัยภายในทางจิตวิทยา เช่นการรับรู้ ความเชื่อ ทัศนคติ เข้ามามีส่วนในค้นหาข้อมูลและการตัดสินใจ
เมื่อประเมินทางเลือก แล้วก็จะตัดสินใจซื้อ โดยผลจากประสบการณ์การซื้อนั้น ถ้าหากได้รับความพึงพอใจ ก็จะมีส่วนเป็นทางเลือกต้นๆเมื่อเกิดปัญหาและความต้องการอีก ในการค้นหาข้อมูล และ ตัดสินใจซื้อครั้งต่อๆ ไป แต่ถ้าได้รับผลลบก็จะหลุดไปจากขบวนการนี้


ทบทวนวรรณกรรมโดย: นายวิฑูรย์ ศุภประกฤต  DBA 09 SPU

Review: Conceptual Framework of Marketing Theory 2

Review: Conceptual Framework of Marketing Theory 2
Marketing Theory
        จากการทบทวนวรรณกรรม โดยสรุปการตลาดหมายถึง ที่ใดก็ตาม ทั้งที่เป็นสถานที่หรือไม่มีสถานที่ ที่มีอุปสงค์และอุปทาน ในสินค้าหรือบริการมาพบกัน จนทำให้เกิดราคาที่มาจากกลไกตลาด โดยเศรษฐกิจในระบบตลาดนี้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของราคา  เศรษฐกิจในระบบตลาดที่แท้จริงนั้น จำเป็นต้องประกอบไปด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้คือ ผู้ผลิตสินค่าที่มีขนาดเล็ก ผู้บริโภคจำนวนมากรวมถึง มาตรการในการกีดกันการเข้าตลาดที่น้อย เงื่อนไขเหล่านี้ถ้ามีครบทั้งหมดจะถือว่าเป็นตลาดที่สมบูรณ์ซึ่งพบได้มากในโลกปัจจุบัน (Kotler, 2003a, p.11) คำว่า ตลาด (Market)” มีความหมายครอบคลุมถึงลูกค้าหลายกลุ่ม รวมทั้งตลาดที่มีตัวตนโดยลักษณะทางกายภาพ และตลาดที่ไม่มีตัวตนในกายภาพ (ตลาด Digital) ตลอดจนตลาดขนาดใหญ่ที่มีหลายๆตลาดย่อยซึ่งมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อยู่ในธุรกิจนั้นขอบเขตของการตลาด (The Scope of Marketing) การตลาดเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ การส่งเสริม และการส่งมอบสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภคและองค์กรการธุรกิจต่างๆ นักการตลาดมีหน้าที่กระตุ้นความต้องการ ซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท

องค์ประกอบของแนวคิดทฤษฎีทางการตลาดประกอบด้วยทั้งหมด 6 แนวคิด
1.แนวคิดการผลิต (The Production Concept)
2.แนวคิดผลิตภัณฑ์ (The Product Concept)
3.แนวคิดการขาย (The Selling Concept)
4.แนวคิดมุ่งตลาด (The Marketing concept)
5.แนวคิดทางด้านลูกค้า(The Customer concept)
6.แนวคดทางการตลาดเพื่อสังคม (The Societal marketing concept)


โดยมี Conceptual Framework ตามภาพ

ทบทวนวรรณกรรมโดย: นารีรัตน์ ปงรังษี DBA 09 SPU

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

VDO Present: Organizational buying models



VDO Present : Organizational Buying Models
โดย นางสาวอรวิภา  มากมิ่ง
รหัสนักศึกษา 60560125    DBA 09   SPU
อาจารย์: รศ. ดร. วิชิต อู่อ้น

วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Review: Conceptual Framework of Marketing Theory 1

Review: Conceptual Framework of Marketing Theory 1
Marketing Theory 
          โดยสรุป ทฤษฎีทางการตลาด หรือ Marketing Theory หมายถึง ที่ใดก็ตาม ทั้งที่เป็นสถานที่หรือไม่มีสถานที่ ที่มีอุปสงค์และอุปทาน ในสินค้า หรือบริการมาพบกัน จนทำให้เกิดราคาที่มาจากกลไกตลาด โดยเศรษฐกิจในระบบตลาดนี้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยประกอบไปด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ คือ ผู้ผลิตสินค้าที่มีขนาดเล็ก ผู้บริโภคจำนวนมาก รวมถึงมาตรการในการกีดกันการเข้าตลาดที่น้อย เงื่อนไขเหล่านี้ถ้ามีครบทั้งหมดจะถือว่าเป็นตลาดที่สมบูรณ์ซึ่งพบได้มากในโลกปัจจุบัน (Kotler, 2003a, p.11)
           การตลาด มีความหมายครอบคลุมถึงลูกค้าหลายกลุ่ม รวมทั้งตลาดที่มีตัวตนและตลาดที่ไม่มีตัวตนในกายภาพ (ตลาด Digital) ตลอดจนตลาดขนาดใหญ่ที่มีหลายๆตลาดย่อยซึ่งมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อยู่ในธุรกิจนั้นขอบเขตของการตลาด (The Scope of Marketing) และเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ การส่งเสริม และการส่งมอบสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภคและองค์กรการธุรกิจต่างๆ โดยที่นักการตลาดมีหน้าที่กระตุ้นความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทตลอดจนรับผิดชอบต่อสังคม

ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าปัจจัยที่มีผล สามาถสรุป ได้ดังนี้
Conceptual Framework Marketing Theory ประกอบด้วย
ตัวแปรต้น 
  - สินค้า
  - ราคา
  - สถานที่
  - การส่งเสริมทางการตลาด
  - การสื่อสารทางการตลาด
  - การขนส่ง
  - ตัวแปลงตาม
 ส่งผลต่อ ความคาดหวังและประสบการณ์
ทำให้เกิดผลลัพธ์ต่อลูกค้า/ผู้บริโภค 

ทบทวนวรรณกรรมโดย: ว่าที่ร้อยตรีวงศ์วริศ อัครเศรษฐการ DBA 09 SPU